ไอคอนตลอดกาลของสโมสรเดียว: 10 นักฟุตบอลที่ซื่อสัตย์ที่สุดในประวัติศาสตร์

ความภักดีเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกของฟุตบอลยุคปัจจุบัน ในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเงินมหาศาลและความสำเร็จจากถ้วยแชมป์ นักเตะจำนวนมากมักถูกล่อลวงด้วยสัญญาราคาสูงหรือโอกาสในการคว้าแชมป์กับทีมที่ใหญ่กว่า ส่งผลให้พวกเขาย้ายออกจากสโมสรที่เคยปั้นแต่งหรือให้โอกาสในการแจ้งเกิด

นักเตะส่วนใหญ่มักเลือก “กระโดดเรือ” ทันทีที่เห็นว่าเส้นทางอาชีพของตนดูจะรุ่งโรจน์มากกว่าในที่อื่น และไม่ได้ตอบแทนความไว้วางใจที่สโมสรเดิมมอบให้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทีมประสบปัญหา นักเตะบางรายก็เลือกที่จะอำลาทันที ขณะที่การย้ายไปร่วมทีมคู่แข่งก็กลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นในฟุตบอลยุคใหม่

แต่ก็ยังมี นักฟุตบอลที่ซื่อสัตย์ที่สุด บางคนที่ยึดมั่นกับสโมสรดั้งเดิม ยืนหยัดในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และปฏิเสธข้อเสนอมากมายจากทีมยักษ์ใหญ่ พวกเขาไม่เพียงแค่เป็นนักเตะธรรมดา แต่กลายเป็นตำนานของสโมสร และเป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก

จากความรักของ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ที่มีต่อโรมา ไปจนถึงความภักดีของ มาร์โค รอยส์ ที่มีต่อโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 อันดับ นักฟุตบอลที่ซื่อสัตย์ที่สุด ในประวัติศาสตร์ลูกหนัง

เกณฑ์ในการจัดอันดับ:

• ระยะเวลาการอยู่กับสโมสรเดิม
• ความภักดีต่อสโมสรในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
• การปฏิเสธข้อเสนอจากสโมสรอื่น

10. พอล แม็คสเตย์ (Paul McStay)

สโมสร: เซลติก (1981–1997)
จำนวนการลงเล่น: 678 นัด | ตำแหน่ง: กองกลาง

พอล แม็คสเตย์ คือนิยามของคำว่า “ผู้ภักดี” อย่างแท้จริง เขาเติบโตจากระบบเยาวชนของเซลติกและไม่เคยย้ายไปที่ไหนเลยตลอดระยะเวลา 16 ปีในทีมชุดใหญ่ แม้จะเป็นผู้เล่นระดับทีมชาติสกอตแลนด์ ติดทีมชาติถึง 76 นัด และเคยเล่นในฟุตบอลโลกถึง 2 สมัย ซึ่งแน่นอนว่าได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป โดยเฉพาะทีมจากอิตาลีอย่างยูเวนตุส อินเตอร์ และฟิออเรนตินาในยุคที่เซเรีย อาคือจุดสูงสุดของวงการฟุตบอลโลก แต่แม็คสเตย์กลับเลือกที่จะอยู่กับเซลติกต่อไป พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีกและฟุตบอลถ้วยในประเทศมากมาย เขาเป็นที่รักของแฟนบอล และชื่อของเขายังคงถูกกล่าวถึงจนถึงทุกวันนี้

9. อีกอร์ อคินเฟเยฟ (Igor Akinfeev)

สโมสร: ซีเอสเคเอ มอสโก (2003–ปัจจุบัน)
จำนวนการลงเล่น: 787+ นัด | ตำแหน่ง: ผู้รักษาประตู

อีกอร์ อคินเฟเยฟ คือนักเตะที่สื่อรัสเซียยกให้เป็น “ลูกชายแห่งมอสโก” เขาเริ่มต้นลงสนามให้ซีเอสเคเอตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี และไม่เคยเปลี่ยนสีเสื้อเลยตลอดกว่า 20 ปี แม้จะเคยตกเป็นข่าวกับทีมใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2009 และอาร์เซนอลในปี 2010 เขาก็ยังเลือกอยู่กับซีเอสเคเอต่อไป ทั้งที่อาจมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่านี้ในยุโรปตะวันตก ความภักดีของเขาถูกยกย่องอย่างสูงในรัสเซีย โดยเฉพาะหลังจากที่เขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกรัสเซียถึง 6 สมัย และเป็นเสาหลักของทีมชาติในรายการระดับโลกหลายครั้ง

8. เปาโล มัลดินี (Paolo Maldini)

สโมสร: เอซี มิลาน (1984–2009)
จำนวนการลงเล่น: 902 นัด | ตำแหน่ง: กองหลัง

มัลดินี คือหนึ่งในนักเตะระดับตำนานที่ทุกคนรู้จักในฐานะ “กัปตันนิรันดร์” ของเอซี มิลาน เขาไม่เพียงแค่เล่นให้ทีมเดียวตลอดชีวิต แต่ยังทำหน้าที่เป็นผู้นำในช่วงเวลาที่ทีมรุ่งเรืองและตกต่ำ เขาคว้าแชมป์เซเรีย อา 7 สมัย และแชมเปียนส์ลีกอีก 5 สมัย แต่ในช่วงต้นยุค 2000 เมื่อมิลานมีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่น เขาก็ยังเลือกจะไม่ย้ายออก แม้จะมีข่าวว่าเรอัล มาดริด และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสนใจดึงตัวเขาไปเล่นในช่วงปลายอาชีพ

7. แม็ตต์ เลอ ทิสซิเอร์ (Matt Le Tissier)

สโมสร: เซาแธมป์ตัน (1986–2002)
จำนวนการลงเล่น: 540 นัด | ตำแหน่ง: กองกลางตัวรุก

แม้จะไม่ใช่นักเตะที่ได้ถ้วยรางวัลมากมาย แต่แม็ตต์ เลอ ทิสซิเอร์คือศิลปินลูกหนังที่เลือกจะภักดีกับสโมสรเล็ก ๆ อย่างเซาแธมป์ตัน ทั้งที่เขามีฝีเท้าระดับที่จะเล่นให้ทีมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษได้ เขายิงประตูสวย ๆ ได้เป็นประจำ มีฤดูกาลที่ยิงได้มากกว่า 20 ประตูหลายครั้ง เคยได้รับความสนใจจากทั้งเชลซีและสเปอร์ส แต่เขาปฏิเสธเพราะ “รักเซาแธมป์ตันเกินกว่าจะย้าย” ความภักดีนี้ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจนิรันดร์ของแฟนบอลนักบุญ

6. จานลุยจิ บุฟฟ่อน (Gianluigi Buffon)

สโมสร: ยูเวนตุส (2001–2018)
จำนวนการลงเล่น: 700+ นัด | ตำแหน่ง: ผู้รักษาประตู

แม้จะเป็นผู้รักษาประตูระดับโลก แต่บุฟฟ่อนกลับเลือกอยู่กับยูเวนตุสแม้ทีมจะตกชั้นในปี 2006 เพราะกรณีคดีล็อกผลการแข่งขัน (Calciopoli) นักเตะหลายคนเลือกย้ายออกเพื่อรักษาชื่อเสียง แต่บุฟฟ่อนเลือกที่จะอยู่ พร้อมช่วยทีมเลื่อนชั้นกลับมาคว้าแชมป์ต่อเนื่อง เขาคือแบบอย่างของนักฟุตบอลที่ซื่อสัตย์ที่สุดในอิตาลี

5. สตีเว่น เจอร์ราร์ด (Steven Gerrard)

สโมสร: ลิเวอร์พูล (1998–2015)
จำนวนการลงเล่น: 710 นัด | ตำแหน่ง: กองกลาง

แม้ลิเวอร์พูลจะไม่ได้ครองความยิ่งใหญ่ในช่วงเจอร์ราร์ดค้าแข้ง แต่เขากลับเลือกจะอยู่กับทีมบ้านเกิด ปฏิเสธข้อเสนอจากเชลซีในปี 2004 ที่พร้อมทุ่มเงินมหาศาลให้เขาย้าย เจอร์ราร์ดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแต่ไม่สำเร็จ แต่เขาก็ได้สัมผัสแชมป์ UCL ปี 2005 และกลายเป็นตำนานที่แฟนบอลยังรักไม่เสื่อมคลาย

4. มาร์โค รอยส์ (Marco Reus)

สโมสร: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (2012–2024)
จำนวนการลงเล่น: 429 นัด | ตำแหน่ง: ปีก / มิดฟิลด์

รอยส์เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงสุดในยุคของเขา แต่ดันต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้งที่มีหลายทีมใหญ่พร้อมยื่นข้อเสนอที่ดีกว่า รวมถึงแมนฯ ยูไนเต็ดและเรอัล มาดริด เขากลับเลือกอยู่กับดอร์ทมุนด์เพราะเชื่อว่า “ที่นี่คือบ้าน” ตลอด 12 ปี เขายิงไป 170 ประตู และกลายเป็นสัญลักษณ์ของสโมสร ก่อนย้ายไป LA Galaxy ในช่วงปลายอาชีพ

3. อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ (Alessandro Del Piero)

สโมสร: ยูเวนตุส (1993–2012)
จำนวนการลงเล่น: 705 นัด | ตำแหน่ง: กองหน้า

เดล ปิเอโร่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของความภักดีที่เหนือระดับ เขาอยู่กับยูเวนตุสทั้งในช่วงรุ่งโรจน์และในช่วงตกต่ำที่สุด เขาอยู่ในทีมที่ตกชั้นไปเซเรีย บี และเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่ยอมลดค่าจ้างเพื่อช่วยทีมกลับสู่จุดเดิม เขายิงประตูมากมาย และย้ายออกจากทีมก็ต่อเมื่อหมดสัญญาในปี 2012

2. ฟรานเชสโก้ ต็อตติ (Francesco Totti)

สโมสร: โรมา (1993–2017)
จำนวนการลงเล่น: 786 นัด | ตำแหน่ง: เพลย์เมกเกอร์

ต็อตติคือนิยามของ “วัน-คลับ-แมน” อย่างแท้จริง เขาเติบโตกับโรมาและไม่เคยย้ายออกแม้จะได้ข้อเสนอจากเรอัล มาดริดถึงสองครั้ง เขาคว้าแชมป์เซเรีย อาเพียงครั้งเดียวในปี 2001 แต่เลือกจะอยู่เพราะความรักที่มีต่อเมืองของเขา ชาวโรมันยกให้เขาเป็น “กษัตริย์องค์ที่ 8 แห่งกรุงโรม”

1. อเลสซานโดร ลูคาเรลลี่ (Alessandro Lucarelli)

สโมสร: ปาร์มา (2008–2018)
จำนวนการลงเล่น: 350+ นัด | ตำแหน่ง: กองหลัง

ลูคาเรลลี่อาจไม่ใช่นักเตะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก แต่ความจงรักภักดีของเขานั้นหาใครเทียบได้ยาก เมื่อปาร์มาประสบปัญหาล้มละลายและต้องตกชั้นจากเซเรีย อาไปยังดิวิชั่น 4 นักเตะทุกคนต่างย้ายออกจากทีม ยกเว้นเขาเพียงคนเดียว เขาอยู่ช่วยทีมลุยจากดิวิชันล่างสุด และพาทีมกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้ภายในเวลา 3 ปี เขาคือ “นักฟุตบอลที่ซื่อสัตย์ที่สุด” อย่างแท้จริง

อ่านเพิ่มเติม:-

• 10 อันดับนักฟุตบอลที่สูงที่สุดในโลก ปี 2025 (จัดอันดับ)
• 10 นักฟุตบอลอายุเกิน 35 ปีที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2025

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)