แม้คุณภาพในสนามจะเป็นเครื่องพิสูจน์พรสวรรค์ของนักเตะ แต่ก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จในฐานะโค้ชเสมอไป เพราะความสามารถในการเล่นฟุตบอลกับการคุมทีมให้ประสบความสำเร็จนั้นเป็นคนละศาสตร์โดยสิ้นเชิง
มีทฤษฎีหนึ่งที่เชื่อว่า “อัจฉริยะลูกหนัง” มักจะไม่สามารถถ่ายทอดความเข้าใจในเกมออกมาเป็นบทเรียนให้ผู้อื่นได้ เนื่องจากทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติสำหรับพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมี ยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่ ให้เราเห็นอยู่ไม่น้อย
แม้รายชื่อของนักเตะที่เคยถูกยกย่องว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์จะไม่ค่อยปรากฏในรายชื่อโค้ชที่ประสบความสำเร็จระดับสูง แต่ก็มีอดีตแข้งชื่อดังหลายคนที่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในฐานะกุนซือเช่นกัน
จาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้ปลุกตำนานของบาร์เซโลนา และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนถึง ซีเนดีน ซีดาน ที่พาเรอัล มาดริดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 3 สมัยติด — เหล่านี้คือบุคคลตัวอย่างที่ทั้งเป็นยอดนักเตะและโค้ชระดับตำนาน
Table of Contents
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปชมเรื่องราวของ ยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จทั้งในสนามและข้างสนาม พวกเขาคือ 10 ตัวอย่างที่ดีที่สุดของความสมบูรณ์แบบในโลกฟุตบอล
1. โยฮัน ครัฟฟ์ (Johan Cruyff) – เนเธอร์แลนด์

- ตำนานลูกหนังผู้เป็นแรงบันดาลใจของฟุตบอลสมัยใหม่
- ผู้สร้าง “ดรีมทีม” บาร์เซโลนา และคว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกของสโมสร
- วางรากฐานแนวคิด Total Football ที่เปลี่ยนวิธีคิดของโค้ชทั่วโลก
- อิทธิพลของเขาสะท้อนผ่านผลงานของเป๊ป กวาร์ดิโอลาในยุคต่อมา
ตำนานลูกหนังที่ถือเป็นผู้ปฏิวัติวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง ครัฟฟ์เคยคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 3 สมัย และพาอาแจ็กซ์คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ 3 สมัยติดต่อกันในช่วงต้นยุค 70 เขาเป็นแกนหลักของทีมเนเธอร์แลนด์ชุดรองแชมป์โลกปี 1974 ที่ได้รับการจารึกว่าเป็นทีม “Total Football”
ในฐานะโค้ช ครัฟฟ์เข้ารับตำแหน่งกับบาร์เซโลนาในช่วงปี 1988–1996 เขาเปลี่ยนสโมสรที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในยุโรปให้กลายเป็น “ดรีมทีม” คว้าแชมป์ลาลีกา 4 สมัยติดต่อกัน และแชมป์ยูโรเปียนคัพครั้งแรกของสโมสรในปี 1992 ระบบการเล่นแบบ “possession-based football” ที่เขาปลูกฝังยังคงมีอิทธิพลจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะกับเป๊ป กวาร์ดิโอลา
2. ซีเนดีน ซีดาน (Zinedine Zidane) – ฝรั่งเศส

- อดีตเพลย์เมกเกอร์ผู้สง่างามและคว้าทุกแชมป์ระดับโลก
- กลายเป็นโค้ชหน้าใหม่ที่พาเรอัล มาดริดคว้า UCL 3 ปีซ้อน (2016–2018)
- มีความเป็นผู้นำและได้รับความเคารพจากนักเตะในห้องแต่งตัว
- คุมทีมด้วยความเยือกเย็นและเข้าใจนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์
“ซิซู” เป็นหนึ่งในนักเตะที่สง่างามที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง เขาคือผู้คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998, ยูโร 2000, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกกับเรอัล มาดริด และรางวัลบัลลงดอร์ในปี 1998 ด้วยสไตล์การเล่นอันอ่อนช้อยและวิสัยทัศน์ที่ไร้ที่ติ
ซีดานกลายมาเป็นโค้ชของเรอัล มาดริดในปี 2016 โดยไร้ประสบการณ์มากนัก แต่กลับสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์ UCL 3 สมัยติดต่อกัน (2016–2018) และแชมป์ลาลีกาอีก 2 สมัย เขาคือแบบอย่างของการเปลี่ยนจาก “ยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่” อย่างแท้จริง
3. ฟร้านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ (Franz Beckenbauer) – เยอรมนี

- หนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดตลอดกาลและผู้คิดค้นบทบาท “ลิเบอโร่”
- คว้าแชมป์โลกทั้งในฐานะนักเตะ (1974) และโค้ช (1990)
- มีวิสัยทัศน์และความสง่างามในเกมรับที่หาใครเทียบได้
- สร้างความสำเร็จในระดับสโมสรทั้งกับบาเยิร์นและมาร์กเซย
“ไกเซอร์” แห่งเยอรมัน ผู้คิดค้นบทบาท “ลิเบอโร่” (sweeper) เขาคือผู้คว้าบัลลงดอร์ 2 สมัยในฐานะกองหลังและเป็นแกนหลักให้บาเยิร์น มิวนิคคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ 3 ปีติด (1974–1976)
ในฐานะโค้ช เขาพาเยอรมนีตะวันตกคว้าแชมป์โลกในปี 1990 และนำบาเยิร์น มิวนิคคว้าแชมป์บุนเดสลีกา, ยูฟ่า คัพ และแชมป์ลีกฝรั่งเศสกับมาร์กเซยในภายหลัง ชื่อของเขาคือสัญลักษณ์ของฟุตบอลเยอรมันอย่างแท้จริง
4. ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ (Diego Simeone) – อาร์เจนตินา

- โค้ชผู้เปลี่ยนแอตเลติโก มาดริดให้กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ระยะยาว
- เน้นแท็กติกเกมรับที่แข็งแกร่งและวินัยระดับสูง
- พาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา, ยูโรป้าลีก และเข้าชิง UCL 2 ครั้ง
- เป็นที่รักของแฟนบอลด้วยแพสชันและการอุทิศตนเพื่อสโมสร
กองกลางผู้ทรงพลังที่เคยคว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2 สมัยกับอาร์เจนตินา และผ่านประสบการณ์มากมายในลีกยุโรป ทั้งกับอินเตอร์ มิลาน, ลาซิโอ และแอตเลติโก มาดริด
ในบทบาทผู้จัดการทีม เขาเข้ารับตำแหน่งแอตฯ มาดริดในปี 2011 และเปลี่ยนทีมให้กลายเป็นคู่แข่งของบาร์ซาและเรอัล มาดริด พาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย, ยูโรป้าลีก 2 สมัย และเข้าชิง UCL ถึง 2 ครั้ง ถือเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของแอตเลติโก
5. เป๊ป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) – สเปน

- โค้ชผู้ปฏิวัติฟุตบอลยุคใหม่ด้วยปรัชญา “possession & pressing”
- คว้าแชมป์กับทุกทีมที่คุม รวมถึงเทรเบิลกับบาร์ซาและแมนฯ ซิตี้
- ผลักดันนักเตะให้เก่งขึ้นผ่านระบบทีมที่ชัดเจนและมีแบบแผน
- อิทธิพลของเขาขยายไปทั่วโลก ไม่เพียงแค่เรื่องแชมป์ แต่รวมถึงแนวคิดฟุตบอล
อดีตกองกลางมันสมองของบาร์เซโลนาในยุคครัฟฟ์ ผู้คว้าแชมป์ลาลีกา 6 สมัย และ UCL 1 สมัยในฐานะนักเตะ เขามีบทบาทสำคัญในระบบ “Total Football”
แต่ในฐานะโค้ช เป๊ปยกระดับทีมฟุตบอลทุกทีมที่เขาคุม เริ่มจากบาร์ซา (2008–2012) ที่คว้า “เทรเบิลแชมป์” ในปี 2009 และต่อด้วยบาเยิร์น มิวนิก, แมนฯ ซิตี้ ที่เขานำไปสู่ยุคทอง คว้าทุกแชมป์รวมถึงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ 3 แชมป์ในฤดูกาล 2022–23 เป๊ปถือเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของ “ยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่” ที่ทันสมัยที่สุด
6. ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ (Didier Deschamps) – ฝรั่งเศส

- กัปตันทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก 1998 และยูโร 2000
- กลายเป็นเฮดโค้ชที่นำทีมคว้าแชมป์โลก 2018 และรองแชมป์ 2022
- เน้นระบบทีมที่มีวินัย มั่นคง และมีเกมรับที่แข็งแกร่ง
- เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่คว้าแชมป์โลกทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช
กัปตันทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก 1998 และยูโร 2000 เดส์ชองส์คือกองกลางตัวรับที่ยอดเยี่ยมแม้จะไม่ได้เด่นเรื่องเทคนิค เขาคว้าแชมป์ UCL กับมาร์กเซย์และยูเวนตุส รวมถึงแชมป์ลีกอีกมากมาย
ในบทบาทโค้ช เขาพาฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลก 2018 และเข้าชิงอีกครั้งในปี 2022 เขาเป็นหนึ่งใน 3 คนในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์โลกทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช
7. เคนนี่ ดัลกลิช (Kenny Dalglish) – สกอตแลนด์

- ตำนานของลิเวอร์พูลที่รับบทผู้เล่น-ผู้จัดการทีมพร้อมกัน
- พาทีมคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย และสร้างยุคทองให้หงส์แดง
- สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการนำแบล็คเบิร์น โรเวอร์สคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
- ได้รับความเคารพจากแฟนบอลในฐานะทั้งนักเตะและโค้ชผู้จงรักภักดี
ไอคอนของลิเวอร์พูลยุคทอง ผู้คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ 3 สมัย และกลายเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมในปี 1985 เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย และเอฟเอคัพ 2 สมัย ก่อนจะลาออกในปี 1991
ในปี 1995 เขาสร้างเซอร์ไพรส์เมื่อพาแบล็คเบิร์น โรเวอร์สคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังจากนั้นยังหวนกลับมาคุมลิเวอร์พูล และพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพในปี 2012
8. คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) – อิตาลี

- หนึ่งในโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป
- คว้าแชมป์ UCL 4 สมัยกับ 2 สโมสร และแชมป์ลีกหลักครบทั้ง 5 ประเทศ
- เป็นโค้ชที่มีสไตล์การบริหารแบบสงบ สุขุม และเข้าใจนักเตะ
- โดดเด่นด้วยการจัดสมดุลในทีมให้ทำผลงานได้สม่ำเสมอ
มิดฟิลด์อัจฉริยะจากยุค 80s–90s อันเชล็อตติคว้าแชมป์เซเรีย อาและแชมป์ยุโรปกับเอซี มิลานทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช
ในบทบาทกุนซือ เขาคือคนแรกที่คว้าแชมป์ UCL 4 สมัย และพาทีมใหญ่อย่างเชลซี, เปแอสเช, บาเยิร์น มิวนิก และเรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลีกหลักทั้ง 5 ของยุโรป (อังกฤษ, สเปน, เยอรมัน, อิตาลี, ฝรั่งเศส)
9. มาริโอ ซากัลโล (Mario Zagallo) – บราซิล

- หนึ่งในตำนานบราซิลที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลกมากที่สุด
- คว้าแชมป์โลก 2 สมัยในฐานะนักเตะ และอีก 1 ครั้งในฐานะโค้ช
- ทำหน้าที่โค้ชและผู้ประสานงานทีมแชมป์โลก 1994
- เป็นบุคคลสำคัญของฟุตบอลบราซิลตลอดหลายทศวรรษ
อดีตปีกของฟลาเมงโก้และโบตาโฟโกในยุค 50s–60s เขาคว้าแชมป์โลก 2 สมัยในฐานะนักเตะ (1958, 1962) และต่อมายังนำบราซิลคว้าแชมป์โลกในฐานะโค้ชปี 1970
นอกจากนี้เขายังทำหน้าที่ในทีมบราซิลชุดแชมป์โลกปี 1994 และพาทีมเข้าชิงในปี 1998 ทำให้เขาคือหนึ่งในบุคคลที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลกมากที่สุดตลอดกาล
10. บิเซนเต้ เดล บอสเก้ (Vicente del Bosque) – สเปน

- อดีตกองกลางของเรอัล มาดริดที่ผันตัวมาเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จ
- คว้าแชมป์ UCL กับมาดริด และนำทีมชาติสเปนคว้าแชมป์โลก 2010 กับยูโร 2012
- ใช้แท็กติกที่ยืดหยุ่นและบริหารนักเตะซูเปอร์สตาร์ได้อย่างลงตัว
- เป็นผู้อยู่เบื้องหลังยุคทองของทีมชาติสเปนที่ไร้เทียมทาน
มิดฟิลด์จอมเทคนิคของเรอัล มาดริดในยุค 70s–80s เขาพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา 4 สมัย และแชมป์ยูโรเปียนคัพในยุคที่ยังเป็นนักเตะ
เมื่อกลายเป็นโค้ช เดล บอสเก้พามาดริดคว้าแชมป์ UCL 2 สมัย, ลาลีกา 2 สมัย และนำทีมชาติสเปนคว้าแชมป์โลก 2010 และยูโร 2012 ถือเป็นช่วงที่สเปนยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
อ่านเพิ่มเติม:-
- อคอนตลอดกาลของสโมสรเดียว: 10 นักฟุตบอลที่ซื่อสัตย์ที่สุดในประวัติศาสตร์
- ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ไทยแลนด์ลีก 2025
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1.อะไรคือนิยามของ “ยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่”?
คำตอบ: คืออดีตนักเตะระดับโลกที่ไม่เพียงประสบความสำเร็จในสนาม แต่ยังเปลี่ยนบทบาทมาเป็นกุนซือที่พาทีมคว้าแชมป์และสร้างอิทธิพลอย่างยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอล
2.มีใครบ้างที่เป็นตัวอย่างของยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่?
ตัวอย่างเด่น ได้แก่ โยฮัน ครัฟฟ์, ซีเนดีน ซีดาน, เป๊ป กวาร์ดิโอลา และฟร้านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ซึ่งล้วนประสบความสำเร็จทั้งในฐานะนักเตะและโค้ชระดับตำนาน
3.นักฟุตบอลทุกคนสามารถเป็นโค้ชที่ยิ่งใหญ่ได้หรือไม่?
ไม่เสมอไป เพราะไม่ใช่นักเตะทุกคนจะมีทักษะด้านการบริหารทีมหรือวางแท็กติกแบบโค้ช แต่บางคนก็สามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่ได้
4.เป๊ป กวาร์ดิโอลา ถือเป็นยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่?
ใช่แน่นอน เป๊ปประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะของบาร์ซา และกลายเป็นหนึ่งในโค้ชที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ด้วยสไตล์การเล่นที่เปลี่ยนแปลงฟุตบอลยุคใหม่
5.ทำไมการเป็นอดีตนักเตะถึงช่วยให้เป็นโค้ชที่ดีได้?
เพราะอดีตนักเตะมักเข้าใจเกมในมุมลึก มีประสบการณ์สนามจริง และสามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นสู่นักเตะรุ่นใหม่ กลายเป็น “ยอดนักฟุตบอลที่กลายมาเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่” ได้ในอนาคต