ในโลกของมวยไทย “เทคนิค” คือหัวใจของศิลปะแห่งการต่อสู้แขนงนี้ นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุดไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดหรือออกอาวุธแรงที่สุด แต่คือคนที่ควบคุมจังหวะ อ่านเกม ขยับหลบและโต้กลับได้อย่างมีศิลปะ ความสามารถเหล่านี้คือสิ่งที่แยกนักชกธรรมดาออกจากตำนานอย่างแท้จริง
บทความนี้ขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ 10 นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุดตลอดกาล ผู้ที่ไม่เพียงแค่เอาชนะในเวที แต่ยกระดับมวยไทยให้กลายเป็น “ศิลปะ”
Table of Contents
1. สามารถ พยัคฆ์อรุณ

ฉายา: มูฮัมหมัด อาลี แห่งมวยไทย
ยุค: 1980s
สไตล์: มวยฝีมือ (Muay Femur)
เกียรติประวัติ: แชมป์ลุมพินี 4 รุ่น, แชมป์โลก WBC มวยสากล
สามารถ พยัคฆ์อรุณ คือชื่อที่ถูกกล่าวถึงทุกครั้งเมื่อพูดถึง นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาคือภาพแทนของคำว่า “ศิลปะ” ในศิลปะแห่งการต่อสู้ ด้วยสไตล์ที่สวยงาม ลื่นไหล และมีชั้นเชิงอย่างลึกซึ้ง เขาไม่ได้ต่อสู้ด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว แต่ใช้มันสมอง สายตา และการวางจังหวะเพื่อควบคุมคู่ต่อสู้ตลอดทั้งเกม
การเคลื่อนไหวของเขานุ่มนวลเหมือนนักเต้นบนเวที ทุกก้าวของเขาคือการวางหมาก การตั้งระยะของสามารถแม่นยำจนทำให้คู่ชกแทบไม่มีโอกาสเข้าใกล้โดยไม่ต้องจ่ายราคา ด้วยการหลบหลีกที่แนบเนียนและการโต้กลับในจังหวะที่คาดไม่ถึง
เขาโดดเด่นในการใช้หมัด เตะ ถีบ และการยืนระยะ ที่เรียกว่า “น้อยแต่มาก” คือไม่จำเป็นต้องออกอาวุธถี่ แต่ทุกอาวุธมีผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเปลี่ยนทิศทางของไฟต์ได้เสมอ เทคนิคการชกของเขาถูกยกให้เป็นระดับปรมาจารย์ ไม่ว่าจะในเวทีมวยไทยหรือเวทีมวยสากล ซึ่งเขาก็ประสบความสำเร็จเช่นกันในฐานะแชมป์โลก WBC
สามารถไม่ได้เป็นเพียงแค่นักมวยฝีมือดี แต่คือแรงบันดาลใจของนักมวยรุ่นหลังจำนวนมาก ผู้ที่ฝันอยากเป็น นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุด ต่างล้วนศึกษารูปแบบการชกของเขา เพราะเขาคือบทเรียนของการ “ชนะอย่างมีศิลปะ” อย่างแท้จริง
จุดเด่นทางเทคนิค:
- ท่าทางหลอกและการอ่านจังหวะ
- เตะซ้ายและถีบหน้าด้วยความแม่นยำ
- เคลื่อนไหววงนอกแบบมืออาชีพ
- ใช้พลังน้อย แต่มีประสิทธิภาพสูง
2. แสนชัย ส.คิงส์สตาร์ (แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม)

ฉายา: พ่อมดมวยไทย
ยุค: 1995–2023+
สไตล์: มวยฝีมือผสมความสร้างสรรค์
เกียรติประวัติ: แชมป์ลุมพินี 4 รุ่น, นักมวยแห่งปี
แสนชัย ส.คิงส์สตาร์ (แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม) คือหนึ่งในนักมวยที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นจอมเทคนิคระดับตำนานของวงการมวยไทยยุคใหม่ ด้วยสไตล์การชกที่เต็มไปด้วยชั้นเชิง แสนชัยสามารถรับมือกับคู่ชกที่ตัวใหญ่กว่า หนักกว่า และแข็งแกร่งกว่าได้อย่าง “ง่ายดายและมีรอยยิ้ม” ตลอดทั้งไฟต์
สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่น คือความสามารถในการใช้ทุกอาวุธของมวยไทยอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการถีบยับจังหวะ การเตะซ้ายที่รวดเร็วและแม่นยำ การจับขาดักเตะเพื่อทำลายสมดุล ไปจนถึงการสะกัดและลูกเล่นหลอกล่อที่ชวนให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะอยู่ตลอดเวลา เขาไม่เพียงแค่ “ชนะ” แต่ยังทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจในทุกการเคลื่อนไหว
แสนชัยยังมีทักษะในการควบคุมระยะห่าง การเคลื่อนที่เพื่อหลบเลี่ยงอย่างแนบเนียน และการสร้างช่องว่างเพื่อตอบโต้ได้แบบไม่สิ้นเปลืองพลังงาน เขาเล่นกับจังหวะ เล่นกับความคาดหวังของคู่ต่อสู้ และทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนว่าเขากำลัง “สนุก” กับการต่อสู้ มากกว่ากำลังเผชิญหน้ากับความเสี่ยง
ด้วยประสบการณ์นับร้อยไฟต์ และสถิติการเจอกับนักมวยที่ใหญ่กว่ามาโดยตลอด แสนชัยจึงไม่เพียงแค่เป็นนักมวยที่ประสบความสำเร็จในด้านสถิติ แต่ยังเป็นหนึ่งในแบบอย่างของนักมวยที่ชกด้วยสมอง ศิลปะ และอารมณ์ที่ผ่อนคลายที่สุดเท่าที่เวทีมวยไทยเคยมีมา
จุดเด่นทางเทคนิค:
- เตะซ้ายและถีบหน้าไวเหมือนสายฟ้า
- จังหวะถอยแล้วโต้แบบซาอุ
- ลูกเตะกังฟู-คาร์ทวีลคิก
- การล้มคู่ต่อสู้อย่างนุ่มนวล
3. สมรักษ์ คำสิงห์

ฉายา: คนเหล็กแห่งมวยไทย
ยุค: 1990s
เกียรติประวัติ: เหรียญทองโอลิมปิก, แชมป์ประเทศไทย
สมรักษ์ คำสิงห์ คือนักมวยผู้เป็นแบบอย่างของการผสมผสานระหว่าง “ศาสตร์แห่งมวยสากลสมัครเล่น” และ “ศิลปะแห่งมวยไทย” ได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยพื้นฐานจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในกีฬามวยสากล เขานำจุดแข็งของการเคลื่อนไหวแบบโอลิมปิก—ทั้งการหลบหลีก การใช้ระยะ และจังหวะหมัดแย็บ—มาปรับใช้ในการชกมวยไทยจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เขาโดดเด่นในด้านการ “คุมเวที” ด้วยความมั่นใจแบบที่ไม่ต้องเร่งรีบหรือใช้แรงแลกหมัด เขาสามารถหลบหมัดของคู่ต่อสู้ด้วยการขยับเพียงเล็กน้อย แล้วโต้กลับด้วยหมัดจังหวะสองอย่างเฉียบขาด การยืนระยะของเขามั่นคง การอ่านเกมเฉียบคม และทุกก้าวที่ขยับล้วนมีเป้าหมาย ไม่สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้สมรักษ์แตกต่างจากนักมวยทั่วไปคือ “ภาษากาย” บนเวทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขามักทำให้คู่ชกเกิดความรู้สึกกดดันตั้งแต่ยังไม่ได้แลกอาวุธ เพราะสมรักษ์สามารถแสดงออกถึงความเหนือชั้นผ่านสายตา ท่าทาง และความนิ่ง ซึ่งถือเป็นอาวุธทางจิตวิทยาที่ทรงพลังมาก
จุดเด่นทางเทคนิค:
- หลบหลีกด้วยไหล่และศีรษะ
- เคลื่อนที่เร็วราวกับนักมวยสากล
- ออกหมัดจังหวะสองแม่นยำ
- โต้กลับด้วยสายตาและสมอง
4. พานเพชร จิตรเมืองนนท์

ฉายา: เทวดามวยไทย
ยุค: 2010s–ปัจจุบัน
สไตล์: มวยฝีมือ
พานเพชร จิตรเมืองนนท์ ถือเป็นหนึ่งใน นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุด แห่งยุคปัจจุบัน ด้วยฝีมือที่เน้นความแม่นยำ ความนิ่ง และการชกแบบชาญฉลาด เขาไม่ได้อาศัยความแข็งแกร่งหรือพละกำลังเป็นหลัก แต่ใช้ “สมอง” ในการต่อสู้ ควบคุมเกมจากภายนอกด้วยความเข้าใจในจังหวะและระยะอย่างลึกซึ้ง
อาวุธเอกของพานเพชรคือ แข้งซ้าย ที่เฉียบคม เตะตรงจุด ทำลายจังหวะของคู่ต่อสู้ได้อย่างสม่ำเสมอ และมักจะเตะได้โดยไม่เปิดช่องให้ถูกโต้กลับ นอกจากนี้ เขายังมีทักษะการตั้งระยะห่างที่แม่นยำ คอยอ่านการเคลื่อนไหวของคู่ชกอยู่เสมอ จึงสามารถหลบหลีกได้อย่างปลอดภัยและโต้กลับได้ในจังหวะที่คู่ต่อสู้ไม่ทันตั้งตัว
สิ่งที่ทำให้พานเพชรแตกต่างจากนักมวยสายบู๊ทั่วไป คือเขาสามารถควบคุมเกมได้โดยไม่ต้องแลก ไม่ต้องเดินบด ไม่ต้องใช้แรงมาก แต่กลับทำให้คู่ต่อสู้รู้สึกหมดหนทาง ไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ง่าย
ด้วยสไตล์การชกที่สุขุม ละเอียด และชัดเจนในเป้าหมาย พานเพชรจึงได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็น นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุด คนหนึ่งของวงการมวยไทยยุคปัจจุบัน และเป็นแบบอย่างให้กับนักมวยรุ่นใหม่ที่ต้องการยืนบนพื้นฐานของ “ฝีมือ” มากกว่า “แรงปะทะ”
จุดเด่นทางเทคนิค:
- เตะซ้ายแม่นยำระดับศัลยแพทย์
- เคลื่อนที่อย่างมีประสิทธิภาพ
- เล่นแต้มแบบชาญฉลาด
- คุมอารมณ์เยือกเย็นเหมือนนักปราชญ์
5. ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม

ฉายา: สไนเปอร์มวยไทย
ยุค: 2015–ปัจจุบัน
สไตล์: มวยฝีมือสมัยใหม่
ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม เป็นนักมวยรุ่นใหม่ที่มีสไตล์การชกเฉียบคมและมีความเป็นมืออาชีพสูง เขาโดดเด่นในด้านการควบคุมระยะห่างและการอ่านเกม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาสามารถรับมือกับคู่ชกทุกประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาวุธเอกของเขาคือ แข้งซ้าย ที่ทั้งเร็วและทรงพลัง ไม่ว่าจะใช้เตะล่าง เตะลำตัว หรือเตะสูง ทุกจังหวะล้วนแม่นยำและยากต่อการป้องกัน ยิ่งกว่านั้น เขายังใช้พื้นที่ในเวทีได้อย่างยอดเยี่ยม รู้ว่าเมื่อไรควรขยับเข้าและเมื่อไรควรถอยออก เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการโต้กลับ
อีกหนึ่งจุดเด่นของตะวันฉายคือความสามารถในการปรับจังหวะการชกได้หลากหลาย เขาสามารถเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกได้อย่างลื่นไหล โดยไม่สูญเสียจังหวะหรือความสมดุล ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถจับทางได้ง่าย
ความนิ่ง ความมั่นใจ และความเฉียบขาดในการออกอาวุธ ทำให้ตะวันฉายกลายเป็นหนึ่งในนักมวยที่น่าจับตามองที่สุดในยุคนี้ และถือเป็นตัวอย่างของนักชกที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในเชิงเทคนิคและจิตวิทยาเกมการต่อสู้
จุดเด่นทางเทคนิค:
- เตะซ้ายแบบยิงเลเซอร์
- ยืนตำแหน่งยอดเยี่ยม
- ปรับตัวระหว่างชกได้เร็ว
- ไม่เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์
6. นำศักดิ์น้อย ยุทธการกำธร

ฉายา: จักรพรรดิแห่งลุมพินี
ยุค: 1996–2006
สไตล์: มวยฝีมือบริสุทธิ์
นำศักดิ์น้อย ยุทธการกำธร คือหนึ่งในนักมวยที่สร้างชื่อเสียงจาก “ความแม่นยำที่ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง” ตลอดอาชีพการชกของเขา เขามีอัตราชนะสูงถึงเกือบ 95% ซึ่งเป็นสถิติที่น่าทึ่งในวงการมวยไทย โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันเข้มข้นอย่างมาก
สิ่งที่โดดเด่นในสไตล์ของนำศักดิ์น้อย คือความสะอาดและเรียบง่ายของฝีมือ เขาไม่ใช่นักมวยที่เดินบู๊แบบเปิดเกมรุกดุดัน แต่เลือกที่จะควบคุมเกมด้วยจังหวะการออกอาวุธที่แม่นยำ เฉียบขาด และไม่ฟุ่มเฟือย ทุกหมัด ทุกแข้ง ทุกเข่าที่ออกไป ล้วนมีเป้าหมายชัดเจนและเป็นไปเพื่อเก็บคะแนน ไม่ใช่เพื่อแลกอันตราย
เขายังมีจุดเด่นในการอ่านคู่ต่อสู้ การหลบเลี่ยงอย่างมีชั้นเชิง และการใช้พื้นที่ในเวทีให้เป็นประโยชน์สูงสุด ไม่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงโดยไม่จำเป็น
นำศักดิ์น้อยจึงไม่เพียงเป็นนักมวยที่ชนะในเชิงเทคนิค แต่ยังเป็นแบบอย่างของนักมวยที่รู้จักใช้ “สติ” และ “ความคิด” ในการควบคุมเกม ตั้งแต่ยกแรกจนถึงยกสุดท้าย
จุดเด่นทางเทคนิค:
- คุมเกมอย่างสุขุม
- เตะซ้ายจังหวะแทงแต้ม
- ตอบโต้ในเวลาที่ใช่
- ไม่หวือหวา แต่ชนะใจกรรมการ
7. เลิศศิลา ชุมแพทัวร์

ฉายา: มนุษย์สายฟ้า
ยุค: 2000s–2020s
สไตล์: มวยฝีมือหลบหลีก
เลิศศิลา ชุมแพทัวร์ เป็นนักมวยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านการเคลื่อนไหวและการหลบหลีก เขามีความสามารถในการอ่านเกมที่เฉียบคม ทำให้สามารถหลบหลีกอาวุธจากคู่ต่อสู้ได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ ด้วยท่วงท่าที่พริ้วไหวราวกับเต้นรำในเวที
เลิศศิลาไม่เพียงแค่หลบเพื่อเอาตัวรอด แต่เขาใช้การหลบหลีกเป็นเครื่องมือในการ “ทำลายจังหวะ” ของฝ่ายตรงข้าม คู่ชกมักเสียจังหวะไปเองเพียงเพราะไม่สามารถจับจังหวะการเคลื่อนไหวของเขาได้ และเมื่อมีช่องว่างเพียงเล็กน้อย เขาจะใช้จังหวะนั้นในการโต้กลับด้วยความเร็วและความแม่นยำที่น่าทึ่ง
สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่าง คือความสามารถในการทำให้คู่ต่อสู้ “เสียสมดุลทางจิตวิทยา” ไปพร้อม ๆ กับจังหวะทางกายภาพ เขาไม่เร่งรีบ แต่ทุกการเคลื่อนไหวมีเป้าหมาย และสามารถควบคุมเกมได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธหนัก
จุดเด่นทางเทคนิค:
- หลบอาวุธหลายชุดอย่างแม่นยำ
- การโต้กลับแบบต่อเนื่อง
- ลีลาพริ้วไหวเหมือนนักเต้น
- ใช้รอยยิ้มกดดันคู่ต่อสู้
8. ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์

ฉายา: เข่าทะลวงฟ้า
ยุค: 1980s
สไตล์: มวยเข่าเทคนิคสูง
ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ คือหนึ่งในนักมวยไทยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้เข่าและคลินช์อย่างมีระบบ เขาไม่ใช่นักมวยที่พึ่งพาแต่พละกำลัง แต่เน้นการวางระยะที่แม่นยำ จังหวะการเข้า–ออกที่ฉลาด และการจับล็อกที่แน่นหนา เพื่อควบคุมคู่ต่อสู้ไม่ให้มีโอกาสตั้งเกม
เขาใช้ช่วงตัวที่สูงอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถตีเข่าได้ในระยะที่คู่ต่อสู้ส่วนใหญ่หลีกหนีไม่พ้น อีกทั้งยังมีความสามารถในการรักษาสมดุลขณะอยู่ในคลินช์ และการเปลี่ยนจังหวะการรัดหรือดันคู่ต่อสู้อย่างแนบเนียน ทำให้การบุกของเขาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยากต่อการโต้กลับ
ดีเซลน้อยไม่ได้เพียงแค่ชนะคู่ชก แต่ยังทำลายแผนการของคู่ต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสไตล์การชกที่เน้นความแม่นยำและการควบคุมทุกองค์ประกอบในเวทีอย่างสมบูรณ์แบบ
จุดเด่นทางเทคนิค:
- ใช้ความสูงได้เปรียบ
- ตีเข่าตรงเข้าเป้า
- คลินช์แม่นยำ ไม่สิ้นเปลืองแรง
- คุมจังหวะใกล้ชิดแบบไม่ให้หายใจ
9. ฉมวกเพชร ห้าพลัง

ฉายา: คอมพิวเตอร์มวยไทย
ยุค: 1980s
สไตล์: มวยฝีมือคงเส้นคงวา
ฉมวกเพชร ห้าพลัง คือหนึ่งในนักมวยที่มีฝีมือเรียบง่ายแต่เฉียบคม เขาเป็นนักมวยสายฝีมือที่ขึ้นชื่อเรื่องความนิ่ง ความแม่นยำ และการออกอาวุธอย่างมีวินัย ทุกจังหวะการโจมตีของเขามีเป้าหมายชัดเจน ไม่มีการออกอาวุธฟุ่มเฟือยหรือหวังพึ่งโชค
สิ่งที่ทำให้ฉมวกเพชรแตกต่างจากนักมวยทั่วไป คือการใช้เทคนิคพื้นฐานอย่างชาญฉลาด เขาไม่หวือหวาแต่กลับคุมเกมได้ตลอดทั้งไฟต์ ด้วยการอ่านจังหวะ วิเคราะห์คู่ต่อสู้ และเลือกออกอาวุธในจังหวะที่เหมาะสม ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุด ของยุคสมัย
จุดเด่นทางเทคนิค:
- คิดก่อนออกอาวุธทุกครั้ง
- รักษาระยะเหมาะสม
- เล่นแต้มแบบละเอียด
- ไม่ใช่คนเด่นในสายตาแฟนคลับ แต่เด่นในใจกรรมการ
10. คฤหาสน์ ส.สุภาวดี (คารูฮัต ส.สุภาวดี)

ฉายา: ยอดศิลปินแห่งมวยไทย
ยุค: 1990s
สไตล์: มวยฝีมือเชิงสร้างสรรค์
คารูฮัต ส.สุภาวดี คือนักมวยระดับตำนานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งใน นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุด เท่าที่เคยมีมา เขาเป็นนักมวยสายฝีมือ (มวยฝีมือ) ที่ขึ้นชื่อเรื่องจังหวะการหลอกล่อ การเคลื่อนไหวที่พลิ้วไหว และความสามารถในการอ่านเกมอย่างเหนือชั้น
จุดเด่นของคารูฮัตคือการควบคุมจังหวะของเกม เขาสามารถหลอกคู่ต่อสู้ให้หลุดออกจากจังหวะปกติ และใช้โอกาสนั้นเข้าทำด้วยการเตะ แทงเข่า หรือศอกระยะสั้นแบบแม่นยำ เขาไม่จำเป็นต้องออกอาวุธแรง แต่ทุกจังหวะมีความหมายและคะแนน
สไตล์การชกของเขาทำให้คู่ต่อสู้จับทางได้ยาก ไม่รู้ว่าเมื่อใดเขาจะป้องกันหรือสวนกลับ ความพลิ้วไหวและความมั่นใจของคารูฮัตทำให้เขากลายเป็นต้นแบบของนักมวยไทยรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาเป็น นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุด ในยุคของตนเอง
จุดเด่นทางเทคนิค:
- เปลี่ยนจังหวะจู่โจมแบบแปรปรวน
- เน้นการหลอกและดักแทง
- ควบคุมพื้นที่ในเวทีได้ดีเยี่ยม
- เล่นด้วยอารมณ์และความมั่นใจ
อ่านเพิ่มเติม:-
- ดอันดับนักมวยรุ่นไลท์ฟลายเวต (108 ปอนด์) สนามมวยราชดำเนิน
- 10 นักมวยไทยที่เคยเอาชนะนักชกต่างชาติระดับแชมป์โลก
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. นักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุดตลอดกาลคือใคร?
สามารถ พยัคฆ์อรุณ มักถูกยกให้เป็นนักมวยไทยที่มีเทคนิคดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล การหลบหลีกอาวุธที่เฉียบขาด และการคุมระยะอย่างเป็นระบบจนแทบไม่มีใครแตะต้องได้
2.นักมวยไทยยุคปัจจุบันคนไหนที่มีเทคนิคสูงที่สุด?
ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัย และ พานเพชร จิตรเมืองนนท์ คือสองนักมวยรุ่นใหม่ที่โดดเด่นด้านเทคนิค พวกเขาใช้ระยะ จังหวะ และความแม่นยำในการควบคุมเกมได้อย่างมีชั้นเชิง
3.เทคนิคแบบใดที่ถือว่าสำคัญที่สุดในมวยไทยระดับสูง?
การอ่านจังหวะและคุมระยะเป็นหัวใจของมวยไทยแบบมีเทคนิค นักมวยชั้นนำจะรู้ว่าเมื่อไรควรถอย เมื่อไรควรเข้าทำ และจะออกอาวุธทุกครั้งอย่างมีเป้าหมาย ไม่เปลืองแรงโดยไม่จำเป็น