ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1956 นักเตะที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์ รางวัลนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของความสำเร็จในระดับบุคคลในวงการฟุตบอล ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา รางวัลที่ทรงเกียรตินี้ได้จารึกชื่อของตำนานมากมาย ตั้งแต่ลิโอเนล เมสซี่ ที่คว้ารางวัลได้สูงสุดถึง 8 สมัย ไปจนถึงสแตนลีย์ แมทธิวส์ ผู้เป็นผู้ชนะคนแรก ทุกคนล้วนสมควรได้รับเกียรติในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 คำถามว่าผู้ที่จะคว้ารางวัลบัลลงดอร์สมัยถัดไปจะเป็นใคร ยังคงเปิดกว้าง โดยหนึ่งในผู้ท้าชิงสำคัญ ได้แก่สองดาวรุ่งจากเรอัล มาดริดอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ และจู๊ด เบลลิงแฮม รวมถึงดาวรุ่งไฟแรงจากบาร์เซโลนาอย่าง ลามีน ยามาล หากใครในสามคนนี้สามารถคว้ารางวัลได้ พวกเขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเกียรตินี้ในประวัติศาสตร์ของรางวัลบัลลงดอร์อย่างแน่นอน
จัดอันดับ 5 นักเตะที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์ด้วยอายุน้อยที่สุด
| อันดับ | ผู้เล่น | อายุ | ปี |
| 1. | Ronaldo Nazario | 21 ปี 3 เดือน 5 วัน | 1997 |
| 2. | Michael Owen | 22 ปี 4 วัน | 2001 |
| 3. | Lionel Messi | 22 ปี 5 เดือน 7 วัน | 2009 |
| 4. | George Best | 22 ปี 7 เดือน 2 วัน | 1968 |
| 5. | Oleg Blokhin | 23 ปี 1 เดือน 25 วัน | 1975 |
1.Ronaldo Nazario
- ลงเล่น : 482
- ยิงประตู : 309
- แอสซิสต์ : 75
- Ballon d’Ors : 2
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 1997 โรนัลโด้ นาซาริโอ ในวัยเพียง 21 ปี 3 เดือน และ 5 วัน กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์ หลายคนมองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเป็นตำนาน ‘R9’ ในเวลานั้นได้คว้าแชมป์โคปา อเมริกา, โคปา เดล เรย์, เป็นดาวซัลโวยอดเยี่ยมของลาลีกากับบาร์เซโลนา และย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน เพื่อท้าทายในเซเรีย อา
โรนัลโด้ยังคว้ารางวัลบัลลงดอร์สมัยที่สองในปี 2002 หลังจากโชว์ฟอร์มสุดประทับใจในฟุตบอลโลกที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยเขายิงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศกับเยอรมนี แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะทำให้เขาพลาดโอกาสโชว์ฟอร์มยิ่งใหญ่ในช่วงหลัง แต่สถิติการเป็นผู้ชนะบัลลงดอร์ที่อายุน้อยที่สุดยังคงอยู่จนถึงตอนนี้—อย่างน้อยก็ชั่วคราว
2.Michael Owen
- ลงเล่น : 483
- ยิงประตู : 223
- แอสซิสต์ : 58
- Ballon d’Ors : 1
ภายใต้การคุมทีมของเจอราร์ด อุลลิเยร์ ไมเคิล โอเว่น ที่สวมเสื้อหมายเลข 10 มีบทบาทสำคัญในฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูลในปี 2000/01 ปีนั้นทีมคว้าแชมป์ FA Cup, League Cup, Community Shield, UEFA Super Cup และ UEFA Cup โดยโอเว่นมีส่วนร่วมในความสำเร็จทั้งหมด เขาทำไปได้ 24 ประตู พร้อมจ่ายให้เพื่อนทำประตูอีก 7 ครั้ง จากการลงเล่นทั้งหมด 46 นัด แม้จะพลาดลงสนามไปถึง 15 นัดเพราะอาการบาดเจ็บ
โอเว่นยังรักษาฟอร์มได้อย่างต่อเนื่องในฤดูกาล 2001/02 ด้วยการยิง 11 ประตูจาก 17 นัด ก่อนจะได้รับรางวัลบัลลงดอร์อันทรงเกียรติ เอาชนะคู่แข่งอย่างราฮูล กอนซาเลซ และโอลิเวอร์ คาห์น ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นจุดสูงสุดในอาชีพของเขา ซึ่งน่าเสียดายที่หลังจากนั้นเส้นทางก็เริ่มยากลำบากขึ้นจากปัญหาสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่นที่ตกลง
อ่านเพิ่มเติม:-
3.Lionel Messi
- ลงเล่น : 904
- ยิงประตู : 735
- แอสซิสต์ : 355
- Ballon d’Ors : 8
ในปี 2009 ลิโอเนล เมสซี่ คว้ารางวัลบัลลงดอร์ครั้งแรกด้วยคะแนนเสียงถึง 98.5% ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอาร์เจนไตน์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงฤดูกาลอันน่าจดจำที่บาร์เซโลน่าทำสถิติเป็นสโมสรแรกที่คว้า 6 แชมป์ใหญ่ในปีเดียว ได้แก่ ลาลีกา, โกปา เดล เรย์, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, สแปนิช ซูเปอร์คัพ, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
สำหรับการแข่งขันฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ครั้งแรกจัดขึ้นในปี 2000 และตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน เรอัล มาดริด เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดด้วยการคว้าแชมป์ไปถึง 5 สมัย
ในขณะเดียวกัน “ลา พุลก้า” เมสซี่ ก็ทำให้คู่แข่งต้องยอมแพ้ไปทีละคนในสนาม ในวัยเพียง 22 ปี เขาคือผู้เล่นที่ต่อมาจะคว้าบัลลงดอร์ได้ถึง 8 สมัย และกลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดที่เคยมีมาในวงการฟุตบอล นี่คือคำชื่นชมที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
4.George Best
- ลงเล่น : 471
- ยิงประตู : 171
- Ballon d’Ors : 1
ก่อนที่โรนัลโด้จะคว้าบัลลงดอร์สมัยที่สี่ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึง 40 ปี จอร์จ เบสต์ได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากบ็อบบี้ ชาร์ลตัน นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดคนที่สองที่ได้รับรางวัลนี้ เบสต์ได้รับการขนานนามว่าเป็นซูเปอร์สตาร์คนแรกของวงการฟุตบอล ผู้ซึ่งใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกแง่มุม แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาคืออัจฉริยะลูกหนังตัวจริง
เบสต์ไม่ใช่แค่นักฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังเป็นนักแสดง นักเขียน และนักแสดงโชว์อีกด้วย คำคุณศัพท์หลายคำสามารถบรรยายตัวตนของเขาได้อย่างครบถ้วน เขาคือนักฟุตบอลผู้หลงใหลในความงดงามของเกมและกลายเป็นตำนาน โดยได้รับการยกย่องจากสหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติ (IFFHS) ให้เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในศตวรรษที่ 20 ชายผู้ได้รับฉายาว่า ‘เดอะ ฟิฟธ์ บีเทิล’ คือโชว์แมนผู้มีใจรักในเกมฟุตบอลอย่างแท้จริง
5.Oleg Blokhin
โอลิก โบลอกิน มีอายุเพียง 23 ปี 1 เดือน 25 วัน เมื่อเขาคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 1965 สองปีหลังจากเลฟ ยาชิน นักเตะชาวยูเครนในสหภาพโซเวียตผู้นี้กลายเป็นนักเตะโซเวียตคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนั้น เขาคือดาวซัลโวยอดเยี่ยมของการแข่งขันลีกโซเวียต และพาไดนาโม เคียฟคว้าแชมป์ถ้วยยุโรป คัพ วินเนอร์ส คัพ
เพียงสี่เดือนหลังจากนั้น “ซาร์” โบลอกิน ยังเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ไดนาโม เคียฟเอาชนะบาเยิร์น มิวนิค ของเด็ตมาร์ คราเมอร์ คว้าแชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์คัพครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ เขายังได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะโซเวียตยอดเยี่ยมแห่งปี และคว้ารางวัลเกียรติยศสูงสุดของยุโรป โดยเอาชนะนักเตะระดับตำนานอย่างฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ และโยฮัน ครัฟฟ์ เรียกได้ว่าเป็นความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครมาเทียบได้
ที่มา:-